รีวิว Nissan Almera 2020 – 2021
ในบทความนี้ผมได้นำ Nissan Almera รุ่น VL 1.0 Turbo 2020 – 2021 ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดในราคา 6.39 แสนบาท มารีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกันครับ ซึ่งในโฉมนี้ ภายนอกปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด มาพร้อมหน้าตาที่ดูโฉบเฉี่ยวดุดัน ภายใต้การเปิดตัวในธีม “Challenge All Beliefs” หรือ “เปลี่ยนทุกสิ่งที่เคยเชื่อ”
รับชม รีวิว Nissan Almera 2020 – 2021 รูปแบบวีดีโอได้ที่นี่
ภายนอก Nissan Almera 2020 – 2021
Nissan Almera 2020 มีความยาว 4,495 มิลลิเมตร กว้าง 1,740 มิลลิเมตร สูง 1,460 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,620 มิลลิเมตร ไฟหน้าเป็นแบบ LED พร้อม LED Signature Light ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED กระจังหน้าโครเมี่ยมรมดำแบบ V-Motion กระจกมองข้างปรับ+พับไฟฟ้า มีไฟเลี้ยวในตัว ล้อแม็กขนาด 15 นิ้ว รัดด้วยยาง 195/65R15 ในส่วนของไฟท้ายเป็นแบบ Signature Light พร้อมไฟเบรก LED และยังมีกล้องรอบคัน แนวเสาหลังคาหลังที่ถูกยกขึ้น (kick-up C-pillars) และ หลังคาแบบลอยตัว (floating roof)
ภายใน Nissan Almera 2020 – 2021
ภายใน มาในโทนสีดำตัดสีครีม ดูแล้วเรียบหรูไม่อึดอัด เบาะที่ใช้เป็นเบาะผ้า โดดเด่นด้วยมาตรวัดแบบเรืองแสง Fine Vision Meter แบบ Digital หน้าจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว แสดงผลข้อมูลการขับขี่ ,แสดงมาตรวัดอุณหภูมิภายนอก (สำหรับรุ่น V และ VL) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ทรงสปอร์ต แบบ D-Shape ปรับสูงต่ำได้ และยังมีปุ่มสั่งงานด้วยเสียงให้ด้วยครับ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีระบบ Cruise Control มาให้
จอเครื่องเล่นแบบสัมผัสขนาดขนาดใหญ่ 8 นิ้ว เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ และยังมีฟังก์ชั่น Apple CarPlay สำหรับสมาร์ทโฟนที่เป็นระบบ ios เปิดแผนที่ในโทรศัพท์แล้วลิงก์ขึ้นหน้าจอได้เลย และเมื่อเราใส่เกียร์ถอยหลัง จะขึ้นเป็นภาพมุมสูง พร้อมมีเส้นกะระยะด้านหลังแบบเลี้ยวตามพวงมาลัย ช่วยให้การถอยรถปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ที่หน้าจอยังมีปุ่ม Camera สำหรับเลือกมุมกล้องได้อีกด้วยครับ
คอนโซลเกียร์ถูกออกแบบให้มีความหรูหรายิ่งขึ้น และอุปกรณ์ต่างๆใช้งานได้ง่ายขึ้น มีปุ่ม Push Start และมี ปุ่ม Shift Lock ไว้สำหรับปลดล็อกเกียร์ ในส่วนของหัวเกียร์จับแล้วกระชับมือ มีปุ่ม Sport ที่หลังเกียร์
เบาะหลัง พนักพิงศีรษะไม่สามารถปรับขึ้น-ลงได้ และด้วยหลังคาที่เป็นทรงลาด จึงทำให้ศีรษะของผู้ที่มีความสูงมากกว่า 175 ซม.แทบจะติดหลังคา ส่วนช่องว่างตรงที่วางเท้า มีพื้นที่เหลือเฟือ สำหรับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่นั่งตอนหลัง ผมมองว่าให้มาน้อยไปครับ เพราะไม่มีที่วางแขนตรงกลางมาให้ ส่วนกระเป๋าเก็บของหลังเบาะ ก็มีมาให้แค่ฝั่งเดียว แต่ยังดีที่มีช่องเสียบ USB มาให้ 1 ช่อง
เครื่องยนต์ Nissan Almera 2020 – 2021
นิสสัน อัลเมร่า ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตรใหม่ รหัส HRA0 3 สูบ แถวเรียงแบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) ขนาดปริมาตรความจุ 999 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 100 แรงม้า มีแรงบิด 152 นิวตันเมตร ที่ 2,400 ถึง 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์เป็นแบบ XTRONIC CVT พร้อม D-Step Logic ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลขึ้น
ระบบความปลอดภัย Nissan Almera 2020 – 2021
- ระบบเบรก ABS, EBD
- ระบบควบคุมการทรงตัว VDC
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน “ทุกรุ่นย่อย”
- ถุงลมนิรภัยในรุ่นท็อป VL มี 6 ใบ
- ระบบเตือนก่อนชนด้านหน้า Intelligent Forward Collision Warning
- ระบบเบรกฉุกเฉิน Intelligent Emergency Braking มีในรุ่น EL, V และ VL (ทำงานที่ความเร็ว 5 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป)
- ระบบกล้อง 360 องศา Intelligent Around View Monitor และระบบตรวจวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน มีในรุ่น V และ VL
- ระบบเตือนรถในจุดอับกระจกมองข้าง Blind Spot Warning System และระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังรถ Rear Cross Traffic Alert มีเฉพาะใน VL รุ่นท้อป
การขับขี่ Nissan Almera
ในเรื่องของอัตราเร่ง ถ้าเทียบกับในรุ่นก่อนหน้านี้ ต้องบอกว่าดีขึ้นกว่าเดิมมากครับ สามารถไต่ระดับความเร็วได้เรื่อยๆ โดยไม่มีอาการหน่วง เร่งแซงได้มั่นใจ ขับขึ้นเขาได้แบบสบายๆ ไม่ต้องลุ้นเลยล่ะครับ
ระบบช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลัง เป็นแบบคานบิด Torsion Beam พร้อมเหล็กกันโคลง การเข้าโค้งที่ความเร็วประมาณ 100-120 กม./ชม. อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ แต่ถ้าเข้าโค้งลึกๆ หรือใช้ความเร็วในการเข้าโค้งที่มากกว่านี้ ก็มีออกอาการบ้าง การซับแรงกระแทกผมว่านุ่มนวลกว่ารถที่อยู่ในกลุ่มอีโคคาร์ด้วยกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยางที่มีขนาดใหญ่ เลยซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี
สรุปโดยรวมแล้ว นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ดีกว่ารุ่นเดิมในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่หน้าตา การขับขี่ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตรที่ให้การตอบสนองที่ดี ทำให้ อัลเมร่า ใหม่ นี้ชัดเจนในตัวตนที่ยังคงเป็นรถ Eco Car แต่ให้การขับขี่เทียบเท่ารถเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เลยทีดียว ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีทั้งนอกเมือง และในเมือง เหมาะสำหรับวัยทำงาน และทุกๆวัย ที่ต้องการความสนุกในการขับขี่ อีกทั้งยังเป็นรถที่ประหยัดน้ำมัน ซึ่งขับทางไกล ถ้าเท้าไม่หนักมากได้ประมาณ 20 กม./ลิตร แน่นอนครับ และที่สำคัญ ยังได้เทคโนโลยีความปลอดภัยที่มากกว่าคู่แข่งอีกด้วยครับ เช่น ระบบเตือนก่อนชนด้านหน้า ,ระบบเบรกฉุกเฉิน ,ระบบกล้อง 360 องศา ,ระบบเตือนรถในจุดอับกระจกมองข้างและระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังรถ
ขอบคุณบทความ https://www.autospinn.com/